กระทรวงการคลัง กำหนดการลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ให้กับประชาชน และผู้ประกอบการร้านค้า รวมถึงผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน โดยได้กำหนดกรอบการลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไว้ดังนี้
ปฏิทินลงทะเบียนและจ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- กลุ่มที่มีสมาร์ทโฟน เริ่มลงทะเบียนวันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 ผ่านแอปฯ ทางรัฐ
- กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ลงทะเบียนวันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2567 มีการตรวจสอบคุณสมบัติสถานะบุคคลที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เช่นเดียวกับกลุ่มที่มีสมาร์ทโฟน
- ร้านค้า ลงทะเบียนวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป จะมีแถลงข่าวเพิ่มเติมเพื่อแจ้งเกี่ยวกับคุณสมบัติของร้านค้า ช่องทางและวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และเงื่อนไขอื่นๆ ให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตภายในไตรมาส 4 ปี 2567
3 กลุ่มต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อขอรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
กลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือ
- ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 67 เป็นต้นไป ทางแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ผ่านระบบ IOS และ Android
กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน-โทรศัพท์มือถือ
- ลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตน ส่วนสถานที่ และวันเปิดลงทะเบียน ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
กลุ่มร้านค้า
- ลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เริ่ม 1 ส.ค. 67 โดยต้องเตรียมหลักฐานดังนี้
- เลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือเลขนิติบุคคลของผู้ประกอบการ
- หมายเลขโทรศัพท์
- สถานที่ตั้งร้านค้า
- รูปถ่ายร้านค้า
เปิดให้ลงทะเบียนได้ดังนี้
ธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, ธนาพาณิชย์ที่เข้าร่วม, สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร, อบต. กับ อบจ. ประจำจังหวัด อีกช่องทางผ่านออนไลน์ แอปพลิเคชั่นทางรัฐ
คุณสมบัติร้านค้าที่สามารถถอนเงินสดจากโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ดังนี้
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT)
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax: PIT) เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax: CIT)
คุณสมบัติผู้มีสิทธิลงทะเบียน
- อายุ 16 ปี จะต้องมีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ ภายในวันที่ 30 ก.ย. 67
- เงินฝากกำหนดไม่เกิน 500,000 บาท นับยอดบัญชีเงินฝากถึงวันที่ 31 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา โดยเงินฝากดังกล่าว ต้องเป็นเงินฝากสกุลเงินบาท ในธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐเท่านั้น ไม่นับรวมสลากออมทรัพย์
- แม้จะเป็นเงินที่พ่อแม่ออมให้ลูกก็ตาม ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ เพราะเป็นผู้มีรายได้ อีกทั้งเกณฑ์เงินฝากในบัญชีระบุไว้ชัดเจนว่า หากเกิน 500,000 บาท ถูกตัดสิทธิ
- รายได้ไม่เกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี วัดจากฐานข้อมูลเงินได้ของกรมสรรพากร ณ ปี 2566 ซึ่งสิ้นสุดไปแล้วเมื่อ 31 ธ.ค. 66 และนับรวมทุกรายได้ที่ยื่นในระบบภาษี (เงินเดือน, ค่าจ้าง, ค่างานฟรีแลนซ์, ค่ารับเหมา, ค่าเช่า, ดอกเบี้ย ปันผล, รายได้ลิขสิทธิ์ต่าง ๆ)
กลุ่มไม่เคยลงทะเบียน และยืนยันตัวตนผ่านแอปทางรัฐ
- เปิดแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ
- กดปุ่ม “ลงทะเบียนรับสิทธิโครงการฯ” ที่หน้าแรกของแอปฯ ทางรัฐ
- อ่าน รายละเอียดและเงื่อนไข ผู้ได้รับสิทธิ และ ดำเนินการต่อ
- อ่าน รายละเอียดเงื่อนไข ผู้ได้รับสิทธิและดำเนินการต่อ
- อ่านและกด ยอมรับเงื่อนไข ของแอปพลิเคชั่นทางรัฐ
- ทำการ กรอกเลขบัตรประชาชน และ เลขหลังบัตรฯ เพื่อดำเนินการต่อ
- ทำการ กรอกข้อมูลส่วนบุคคล ตามบัตรประชาชนเพื่อดำเนินการต่อ
- เตรียมพร้อมสำหรับการยืนยันอัตลักษณ์ (e-KYC)
- ดำเนินการตามคำแนะนำของระบบในการยืนยันอัตลักษณ์ (KYC)
- เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ระบบจะนำเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป
- ระบบรับข้อมูลการลงทะเบียน
- ระบบตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล (ในขั้นตอนนี้ผู้ใช้งานสามารถปิดแอปฯ ทางรัฐ และกลับเข้ามาตรวจสอบผลได้ภายหลัง)
- เมื่อระบบตรวจสอบข้อมูลเสร็จสมบูรณ์ ระบบจะแจ้งให้ผู้ใช้งานสร้างบัญชีผู้ใช้
- ผู้ใช้งานทำการ กำหนดบัญชีผู้ใช้ และ รหัสผ่าน ของแอปฯ ทางรัฐ และกดปุ่มยืนยัน
- ทำการ ตั้ง Pin Code สำหรับเข้าใช้งานแอปฯ ทางรัฐ
กลุ่มเคยลงทะเบียน และยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ ทางรัฐ
- เปิดแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ
- กดปุ่ม “ลงทะเบียนรับสิทธิโครงการฯ” ที่หน้าแรกของแอปฯ ทางรัฐ
- กด อนุญาต ให้แอปฯ เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
- อ่านรายละเอียดเงื่อนไข ผู้ได้รับสิทธิและดำเนินการต่อ
- อ่านและยอมรับเงื่อนไขโครงการฯ และดำเนินการต่อ
ล่าสุด อัปเดตพลิเคชั่นทางรัฐ ได้แจ้งให้ผู้ที่ลงทะเบียน และยืนยันตัวตน แอปฯ ทางรัฐ ได้ทราบว่า ผลการยืนยันตัวตน ผ่าน หรือ ไม่ผ่านแล้ว
ขั้นตอนการลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.- 15 ก.ย. 67 ประชาชนที่สนใจจะต้องลงทะเบียนตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น
หลังจากลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บาท เสร็จเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลจะนำข้อมูลของประชาชนไปตรวจสอบกับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจคุณสมบัติ อายุตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่, กรมสรรพากร ตรวจสอบรายได้ และสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เพื่อตรวจสอบบัญชีเงินฝาก เป็นต้น
รัฐบาลจะแจ้งผลให้ประชาชนทราบว่าผ่าน หรือไม่ผ่านคุณสมบัติ ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 67 เป็นต้นไป หากถูกปฏิเสธสิทธิ จะมีการแจ้งเหตุผลว่าไม่ผ่านเพราะอะไร และมีข้อแนะนำอย่างไร ในการขออุทธรณ์สิทธิ