ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ระบุว่า รัฐบาลได้พัฒนาระบบชำระเงินกลางรองรับโครงการดังกล่าวแล้ว ซึ่งธนาคารพาณิชย์อยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไขทางเทคนิค ก่อนประเมินความพร้อมและพัฒนาระบบเชื่อมต่อกับระบบชำระเงินกลางของรัฐบาล ซึ่งพร้อมเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าร่วมตรวจสอบ หลังแบงก์ชาติทำหนังสือแสดงความเป็นห่วงเรื่องความพร้อมของระบบ รวมถึงความเสี่ยงในการทุจริต รมว.คลัง ยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการฯ พร้อมเตือนร้านค้าและประชาชนหากพยายามแลกเป็น “เงินสด” แทนการใช้เงินในระบบดิจิทัล จะเป็นการทุจริตและถูกดำเนินคดีทางอาญา รวมถึงตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการรัฐในอนาคต
ก่อนหน้านี้พบพฤติกรรมการทุจริตโครงการคนละครึ่ง โดยพบผู้ได้รับสิทธิบางส่วนจะสแกนจ่ายคิวอาร์โค้ดร้านค้าในโครงการฯ เสมือนการซื้อขายสินค้าตามปกติ แต่ผู้รับสิทธิจะขอแลกรับเป็น “เงินสด” จากร้านค้าในมูลค่าที่ต่ำกว่าแทนใช้จ่ายจริง ซึ่งปัจจุบันกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างดำเนินคดีและเรียกเงินคืนจากประชาชนและร้านค้ากลุ่มนี้มากกว่า 2,000 ราย