น.ส.รักชนก กล่าวว่า วันนี้ครบรอบ 1 เดือน ในการเปิดเรื่องงบประกันสังคม ตนไม่คิดว่าประเด็นดังกล่าวจะมาถึงจุดนี้ ทั้งงบต่างๆ ที่ไม่โปร่งใส ทั้งการที่ประกันสังคมไม่ได้เปิดเผยข้อมูล หรือเมื่อมีคนขอข้อมูลแล้วไม่ส่งให้ จนมาถึงเรื่องตึก Skyy9 แต่พวกตอน 2 คน ก็ได้รับคนละ 1 คดี ถือว่าเราทำสำเร็จในฐานะสส. ที่ออกมาพูดเพื่อผลประโยชน์ของผู้ประกันตน จนมีคนเด้งรับ ยืนยันว่าเราจะตรวจสอบต่อไปเรื่อยๆ เพราะเรื่องประกันสังคมยังมีอีกหลายเรื่องให้ติดตาม
น.ส.รักชนก กล่าวว่า ส่วนการโดนฟ้อง เราทั้ง 2 คนไม่ได้รู้สึกกังวลร้อนรนอะไร เพราะเรายืนยันว่า สิ่งที่เราพูด เราไม่ได้พูดในฐานะส่วนบุคคลกับใคร แต่เราพูดในฐานะที่ยืนอยู่ข้างผลประโยชน์ของผู้ประกันตน ไม่ว่าใครในประเทศนี้ ก็ยืนยันแทนเราได้ว่าเป็นสิ่งที่สาธารณะได้ประโยชน์ เราวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความสุจริต เป็นการตั้งคำถามว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงจะไม่รู้เรื่องการลงทุนนี้เลยหรือ และไม่แน่ใจว่าการตั้งคำถามเช่นนี้นำมาสู่การฟ้องร้องได้อย่างไร
ส่วนที่นายสุชาติ ระบุอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเราแน่นอนนั้น น.ส.รักชนก กล่าวว่า ขอตั้งคำถามกับสังคมว่า เรา 2 คน ชัดเจนว่าอยู่ข้างผลประโยชน์ของผู้ประกันตน หากท่านยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรา คือท่านอยู่ฝั่งใคร
น.ส.รักชนก ย้ำว่า การที่ตนพูดเรื่องนี้ เนื่องจากตนไม่อยากให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก ถามว่าใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ นี่เป็นผลประโยชน์ของผู้ประกันตนล้วนๆ เพราะการลงทุนในตึกนี้มีปัญหา และมีข้อสงสัยเต็มไปหมด สุดท้ายสังคมก็เห็นตรงกันว่า ไม่คุ้มค่าในการลงทุน เนื่องจากไม่สามารถได้ผลตอบแทนคืนมาอย่างสมน้ำสมเนื้อได้
ส่วนตัวยอมไม่ได้ ซึ่งเราคงไปตรวจสอบไม่ได้ทุกบาททุกสตางค์ แต่เราสามารถนำกรณีตัวอย่างนี้ ออกมาตีแผ่ให้สังคมรับรู้ พร้อมเรียกร้องสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยถึงแผนบริหาร ซึ่งควรเป็นขั้นต่ำในการลงทุน ต้องตอบสังคมให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก
ส่วนจำนวน 50 ล้านบาทที่ถูกฟ้องร้องมากไปหรือไม่ น.ส.รักชนก กล่าวว่า ยังแพ้นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เพราะโดนถึง 100 ล้านบาท
ขณะที่นายสหัสวัต กล่าวเสริมว่า มูลค่าความเสียหาย เป็นสิทธิ์ของผู้ฟ้องร้องที่จะประเมินมูลค่า และเรียกค่าเสียหายจากเรา ขอให้เป็นวิจารณญาณของประชาชนและผู้ประกันตน ว่าดูแล้วคิดอย่างไรกัน