ปุ้ย L.กฮ. พูดแล้ว ถึงแดนเซอร์ชาย หลังมีดราม่า

5 มี.ค. 2568 เวลา 06:51 น.
เป็นประเด็นดรามาต่อเนื่อง หลัง ‘ลำไย ไหทองคำ’ โพสต์ประกาศสถานะโสด ก่อนจะมีการขุดคุ้ยความสัมพันธ์กับ ‘บอส แดนเซอร์ชาย’ ซึ่งทางลำไยก็ยอมรับว่าเคยมีช่วงที่คุยกันจริง เป็นช่วงที่ห่างกับ ‘ปุ้ย L.กฮ.’ และตอนนั้นเข้าใจว่าบอสเลิกกับแฟนสาวแล้ว แต่แท้จริงยังไม่เลิก ซึ่งเมื่อมีปัญหาก็ได้มีการพูดคุย และจ่ายค่าเสียใจให้กับฝ่ายหญิง 2 ล้านบาทนั้น ล่าสุด ปุ้ย ได้ออกมาโพสต์คลิปอธิบายเรื่องราวต่างๆ อีกครั้ง ระบุว่า สวัสดีครับ ผมจะมาพูดเรื่องผม น้องลำไย และน้องผู้ชายครับ ผมขอไม่เรียกชื่อนะครับ ปัญหาของผมกับน้องลำไยที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่เพราะมีมือที่ 3 เข้ามา มันเป็นปัญหาเริ่มต้นของผมกับน้องลำไย หลักๆ ก็มาจากผมครับ ผมไม่มีความมั่นใจในการเข้าสังคม ไม่ชอบการปาร์ตี้สังสรรค์ เวลาน้องลำไยจัดกิจกรรมการสำคัญ น้องลำไยพยายามให้ผมปรับ แต่ผมเลือกจะไม่ปรับเพราะตอนนั้นผมมองว่าผมไม่ได้ผิดอะไร และก็มามีประเด็นหลักๆ คือ ผมซื้อโต๊ะสนุกเกอร์เข้ามาในบ้าน และผมฝึกจริงจังมากๆ เพราะผมอยากเล่นเก่ง ลำไยมาถึงบ้านตี 4 ผมยังเล่นไม่เสร็จ น้องลำไยมาถึงบ้าน 8 โมงเช้า ผมก็ยังเล่นไม่เสร็จ จนน้องลำไยเริ่มถามว่า ทำไมพี่ไม่เล่นตอนหนูออกไปทำงาน ตอนหนูมาถึงบ้านพี่หยุดเล่นได้ไหม ผมก็เฉย ผมก็เล่นมาเรื่อยๆ ทำแบบนั้นมาตลอดครับ

 

และน้องลำไยก็มาพูดอีก ผมก็เล่นเหมือนเดิม น้องลำไยก็บอกว่า พี่รู้ไหมข้อเสียของพี่เวลาทำอะไรพี่จะหมกมุ่น จดจ่อกับสิ่งนั้นสิ่งเดียวเลย จนพี่ไม่รู้ว่ารอบข้างพี่ยังมีสิ่งอื่นอยู่อีกมากมาย ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้ผิดอะไร เพราะผมเล่นในบ้าน ผมไม่ได้ออกไปเล่นข้างนอก ผมก็เลยตอบไปว่า “ถ้าอ้าย (ลำไย) อึดอัด เดี๋ยวปุ้ยจะกลับไปอยู่บ้านที่ใต้ก็ได้” น้องลำไยก็ถามว่า “ทำไมต้องไปอยู่ที่ใต้” ผมก็บอกว่า “ก็อยู่แล้วอึดอัดกัน” ทางน้องก็เลยบอกว่า “โอเค ถ้าพี่คิดดีแล้ว หรือพี่ลองคิดดูใหม่” แต่ผมบอกว่าไม่ต้องคิด จะได้รู้ว่าแต่ละคนต้องการอะไร เผื่อว่าเราจะเข้าใจกันมากขึ้น ผมบอกแบบนี้แล้วก็แยกไปอยู่ที่ใต้ ไม่ค่อยกลับมา จ.ปทุมฯ จนแม่แดง (แม่ลำไย) โทรมาหาว่าทำไมไม่ค่อยเข้าบ้านเลย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ผมบอกไม่มีปัญหาอะไรครับแม่ ผมกลับมาปลูกบ้านที่ใต้ เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วกลับไป

แม่แดงก็เข้าใจแบบนี้ เพราะผมกับน้องลำไยไม่เอาปัญหาไปให้แม่แดงรับรู้ ระหว่างนั้นผมก็ส่งคลิปที่ผมปลูกบ้านให้น้องลำไยดูอัปเดต และบอกว่าต่อไปอาจไม่ได้กลับไปอยู่ที่บ้านนั้น ให้อ้าย (ลำไย) วางแผนชีวิตดีๆ ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวดีๆ นะ ปุ้ยอาจจะไม่กลับไปนะ ลำไยก็เคารพการตัดสินใจของผม เพราะเค้าขัดไม่ได้ แล้วก็มีการตกลงกันว่า ถ้าผมจะมีใคร น้องลำไยก็จะไม่ปิดโอกาส ขอให้บอก และน้องลำไยจะมีใครก็ขอให้บอก ก็จะไม่ปิดโอกาสเช่นกัน ตกลงกันแบบนี้ แต่ตอนนั้นแค่ไม่ได้บอกให้ใครรู้ ก็แยกกันอยู่พักใหญ่ๆ แต่ระหว่างแยกก็มีการคุยแซวกันอยู่เรื่อยๆ จนมาวันหนึ่ง น้องลำไยมาบอกว่าคุยกับคนนี้แต่ตอนนั้นผมมองว่าเค้าเด็กๆ คงไม่มีปัญหา ก็คุยกันไป ผ่านไปสักพักน้องลำไยเริ่มโทรมาปรึกษาว่าพี่คิดว่ายังไง ผมก็บอกว่าลองคุยกันไป แต่บอกให้ระวังว่าเค้าเข้ามาแบบไหน ค่อยๆ ดูว่าเค้าต้องการอะไรจากเรา จนเค้าก็คุยกันผ่านไป ผมก็สังเกตและติดตามมาตลอด ก็ยังหวังดีต่อกัน เป็นห่วงกัน จนเวลาผ่านไป ลำไยมาปรึกษาว่า อยู่ๆ แฟนของน้องผู้ชายคนนี้ติดต่อเข้ามา ผมก็บอกอ้าว! ไหนเค้าบอกว่าเค้าเลิกกับแฟนแล้ว เค้าแยกกับแฟนแล้ว เพราะตอนก่อนไปคบ น้องลำไยบอกผมว่าเค้าพูดแบบนี้ๆ ผมก็ได้รับรู้มา น้องลำไยก็โทรมาบอกว่า หนูไม่รู้ แฟนเขาโทรมาแบบนี้ๆ ผมก็บอก “งั้นอ้าย (ลำไย) โดนหลอกแล้ว” ผมพูดแบบนี้ อันนี้ผมไม่ได้ว่าน้องผู้ชายหรือว่าใคร แต่เป็นความรู้สึกผม เพราะพฤติการณ์ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าลำไยน่าจะโดนหลอกหรือเปล่า ก็ปรึกษากันไป ช่วงนั้นน้องลำไยเครียดมากก็คุยกันบ่อยขึ้น จากนั้น น้องลำไยมาบอกว่า เค้าเรียกเงินหนู 10 ล้าน ผมก็ตกใจ โอ้โห! ทำไมเรียกตั้ง 10 ล้าน อันนี้มันแปลกนะ ถามว่าบริษัทรู้หรือยัง น้องก็บอกว่าบอกบริษัทไปแล้ว ตอนนั้นเค้าตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ผมก็บอกไม่เป็นไร ปุ้ยลองคุยกกับบริษัทน้องลำไย ก็ปรึกษากันว่าลองนัดมาคุยดูไหม ทั้งผม บริษัท และน้องลำไย ก็ไม่อยากให้เป็นปัญหา

เพราะคนที่รักน้องลำไย คนที่รักเรา เค้าไม่รู้ว่าข้อมูลเป็นมายังไง ปัญหาคือเราเป็นคนสาธารณะ ต้องโดนตำหนิติเตียนอยู่แล้ว เราก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้มันจบ บริษัทน้องลำไยก็นัดคุยกับผู้หญิง แต่ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นะครับ เพราะผมอยู่ที่ใต้ ตกลงกันจ่ายเงิน 2 ล้าน มีการเซ็นรับเงินเรียบร้อย มีสัญญาเซ็นรับเงิน 2 บาท น้องผู้หญิงรับเงินไป รับปากกันว่าทุกอย่างจะจบหมดทุกอย่าง หลังจากนั้นน้องลำไยก็ไม่ได้คุยต่อกับน้องผู้ชาย เค้ากลัว เค้ารู้แล้วว่ามันไม่ใช่ ทางบริษัทก็จะให้น้องผู้ชายหยุด แต่ผมบอกให้หยุดไม่ได้ ต้องหักเงินไปด้วย ให้เค้ารับผิดชอบในสิ่งที่เค้าได้ทำ เพราะเป็นผู้ชายต้องรับผิดชอบ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ได้มีเยื่อมีใยอะไรต่อกัน ผมโอเค ส่วนตัวผมก็ย้ายกลับมาอยู่ปทุมฯ เหมือนเดิม ก็ปรับเข้าใจกันได้มากกว่าเดิม

แต่วันเกิดน้องลำไยที่ผ่านมา ก็มามีปัญหาอีกรอบ น้องก็มีการเตรียมให้เหมือนเดิม เตรียมงาน ซื้อเสื้อผ้าให้ผมให้แม่แดง บอกว่าหนูรอตัดเค้กเวลานี้นะ มีพี่ๆ ที่พี่รู้จักด้วย มีคนที่พี่ชื่นชอบมาด้วยนะ ผมก็โอเคครับ รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ พอถึงเวลาก็ให้เพื่อนไปส่งแม่ ผมไม่ไป ซึ่งน้องลำไยเค้าก็งอนที่ผมไม่ไปในงาน ไม่เกี่ยวอะไรกับใครเลยนะครับ คือก่อนหน้านี้ผมเป็นแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว น้องลำไยก็งอนว่าสรุปพี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลยเราอยู่บ้านเดียวกัน แต่คุยกันน้อยลง ผมก็ประชดประชันอยู่เรื่อยๆ “ถ้าอ้าย (ลำไย) เข้าบ้าน ปุ้ยไม่เข้าก็ได้นะ” จนถึงขั้นผมถอดแหวนที่น้องลำไยซื้อให้ใส่ น้องลำไยก็ถามหาว่าแหวนหายไปไหน ผมก็บอกถอดทิ้งไปแล้ว บอกห้วนๆ ไปแบบนั้น ซึ่งคำพูดมันไม่แรง ไม่หยาบ แต่มันทำลายความรู้สึก จนสุดท้ายน้องลำไยก็ถามว่าเรื่องเราจะเอายังไง ผมก็ตอบ “จะเอายังไง ก็แล้วแต่อ้าย (ลำไย)” ก็ถามย้ำกันอยู่แบบนี้ จนน้องลำไยไปโพสต์เพราะน้อยใจผม พอผมเห็นลำไยโพสต์ผมก็โทรไปเคลียร์ว่า ปุ้ยไม่ได้อยากให้มันจบแบบนี้เลยนะ ปุ้ยจะปรับตัวเอง น้องลำไยก็โอเค บอกว่าพี่จะให้หนูปรับตรงไหนก็ว่ามา ยินดีจะปรับ พี่อย่านิ่ง พี่อย่าเฉย พี่บ่ายเบี่ยงไม่ตอบ หนูก็เหนื่อย หนูทำงานหนัก เราก็ขอโทษขอโพยกัน แต่พอเราเคลียร์กันก็มีปัญหาเรื่องนี้ออกมา ผมและน้องลำไยขอบคุณทุกคนที่เข้าใจเรา เข้าใจคนคอมเมนต์มองอีกด้านหนึ่ง เราเข้าใจได้ ผมและน้องลำไยเป็นคนสาธารณะ ครอบครัวเราเป็นคนสาธารณะ ยินดีรับทั้งคำชมและคำติเตียน คำตำหนิ เรายินดีรับไว้หมด แต่น้องลำไยไม่ได้ทำผิดต่อผมเลย พี่ๆ ที่เข้าใจผม ผมยินดี ดีใจมาก แต่น้องไม่ได้ทำผิดอะไรต่อผม ผมก็พูดเท่านี้ นี่คือความจริงทั้งหมด