ยังกับละครคุณธรรม ลอตเตอรี่ที่ให้เพื่อนถูก 10 ล้าน ได้ส่วนแบ่งแค่นิดเดียว ผ่านไป 18 ปี กลับมาเจอกันอีกครั้ง ชีวิตสุดพลิก
เรื่องราวของ จาง ฮึง และ หลี่ หง จากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ถูกแชร์ต่ออย่างมากในโลกออนไลน์ เป็นบทเรียนที่ว่า เงินอาจมาหาเราโดยไม่คาดฝัน แต่การใช้มันอย่างไร จะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของเราเอง
ในปี 2007 จาง ฮึง ขณะนั้นอายุ 35 ปี และเพื่อนสนิทของเขา หลี่ หง อายุ 37 ปี กำลังนั่งอยู่ที่ร้านน้ำริมทาง ทั้งสองเป็นเพียงคนงานธรรมดาที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
ขณะนั้นมีคนขายลอตเตอรี่เดินผ่านมา จาง ฮึง ซื้อมา 2 ใบ แล้วส่งให้ หลี่ หง หนึ่งใบ พร้อมกับพูดเล่นว่า “เผื่อจะได้เปลี่ยนชีวิต! ถ้าถูกรางวัลก็อย่าลืมฉันนะ!”
ไม่กี่วันต่อมา สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น—ลอตเตอรี่ของ หลี่ หง ถูกรางวัลแจ็กพอต 3 ล้านหยวน (ประมาณ 10 ล้านบาท) ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาลในตอนนั้น
เมื่อ จาง ฮึง เห็นผลรางวัล เขารีบโทรหาเพื่อนของเขา เพราะลอตเตอรี่ใบนั้นเขาเป็นคนซื้อให้ เขาคิดว่า หลี่ หง คงจะแบ่งเงินก้อนใหญ่ให้เขา แต่สุดท้ายกลับได้รับเพียง 100,000 หยวน (ประมาณ 346,000 บาท) ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินรางวัลที่ได้รับ
“ฉันเป็นคนซื้อให้ ถ้าไม่มีฉัน นายคงไม่ถูกรางวัลหรอก! แค่ 100,000 หยวน มันน้อยไปไหม?” จาง ฮึง ถาม
แต่ หลี่ หง เพียงแค่หัวเราะแล้วตอบว่า “เงินนี้ฉันโชคดีถูกเอง ฉันก็มีครอบครัวต้องดูแล 100,000 หยวนไม่ใช่น้อย ๆ นายควรพอใจได้แล้ว”
คำพูดนั้นเหมือนน้ำเย็นสาดเข้าหน้าจาง ฮึง เขารู้สึกเหมือนถูกหักหลัง แต่ก็จำใจรับเงินก้อนนั้นมา
ชีวิตที่แยกจากกัน
แม้จะผิดหวัง แต่ จาง ฮึง ก็ตัดสินใจนำเงิน 100,000 หยวนไปลงทุนเปิดร้านขายเครื่องใช้ภายในบ้าน ทุนที่มีจำกัดทำให้เขาต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ช่วงแรกธุรกิจไม่มั่นคง ถึงขั้นต้องกู้เงินมาประคองกิจการ เขาเครียดจนบางคืนแทบไม่ได้นอน
แต่แทนที่จะจมอยู่กับความอยุติธรรม เขาเลือกที่จะสู้ต่อไป ค่อย ๆ ขยายร้านและสร้างแบรนด์ของตัวเอง หลายปีผ่านไป เขากลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีเครือข่ายร้านค้าขนาดใหญ่และมีชีวิตที่มั่นคง
ขณะที่ หลี่ หง ใช้ชีวิตหรูหรา เขาซื้อคฤหาสน์หรูที่ปักกิ่ง ขับรถซูเปอร์คาร์ และท่องเที่ยวไปทั่ว นอกจากนี้เขายังเปิดร้านอาหารและบาร์หลายแห่งเพื่อหวังต่อยอดเงินของตัวเอง แต่เมื่อมีเงินมาก เขาก็หลงไปกับสิ่งฟุ่มเฟือย ทั้งเหล้าและการพนัน
การลงทุนโดยขาดการบริหารที่ดี ทำให้ธุรกิจของเขาพังลงทีละแห่ง หลี่ หง หันไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็โชคร้ายเจอวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้เงินหลายล้านหยวนหายวับไปในพริบตา
ชีวิตครอบครัวของเขาก็ไม่ราบรื่น ภรรยาและลูก ๆ เคยชินกับการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย ลูก ๆ ไม่สนใจการศึกษาและเอาแต่พึ่งเงินพ่อ เมื่อเงินเริ่มหมด ปัญหาในครอบครัวก็เพิ่มขึ้น สุดท้ายภรรยาก็ทิ้งเขาไป ลูก ๆ ก็เตลิดเปิดเปิง
การพบกันอีกครั้งหลังผ่านไป 18 ปี
แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้ติดต่อกันอีก แต่ จาง ฮึง ก็ได้ยินข่าวของ หลี่ หง ผ่านเพื่อน ๆ จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว หลังจากไม่ได้เจอกันมา 18 ปี หลี่ หง ก็มาหาเขาอีกครั้ง
ตอนนี้ชีวิตของ หลี่ หง พังทลาย มีหนี้สินมากมาย ต้องขายคฤหาสน์ใช้หนี้ และต้องไปเช่าอพาร์ตเมนต์เก่า ๆ อยู่
เขาสารภาพกับ จาง ฮึง ว่า หลังจากใช้เงินจนหมด เขาต้องไปกู้เงินจากทุกที่ จนสุดท้ายเจ้าหนี้ก็ตามทวงอย่างหนัก
“จาง ฮึง ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่เคยรู้คุณค่าของสิ่งที่มี วันนั้นฉันควรจะแบ่งให้แกมากกว่านี้ แต่ฉันกลับเห็นแก่ตัวเกินไป ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรเลย นายช่วยฉันได้ไหม?”
จาง ฮึง มองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่สุดท้ายก็เพียงแค่ส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่ได้โกรธนายอีกแล้ว แต่ฉันช่วยนายในแบบที่นายต้องการไม่ได้ เงินไม่ได้ช่วยนายได้ในตอนนี้ ถ้านายอยากเริ่มต้นใหม่จริง ๆ นายต้องลุกขึ้นสู้เอง เหมือนที่ฉันเคยทำ”
หลังผ่านไป 18 ปี นับจากวันที่ลอตเตอรี่เปลี่ยนชีวิตของพวกเขา ชะตากรรมของทั้งสองก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
คนหนึ่งเคยมีเงินมหาศาล แต่เพราะใช้ชีวิตอย่างประมาท จึงสูญเสียทุกอย่าง อีกคนหนึ่งเคยผิดหวังกับความไม่ยุติธรรม แต่กลับพลิกชีวิตด้วยความมุ่งมั่น