ทางผู้ติดต่อเลยขอเงินคืนให้กับปู เพราะเห็นว่าไม่เป็นธรรมทั้งที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และออกรายการโหนกระแส บ่อยครั้ง ทางทนายจึงโอนคืนมาครั้งที่ 1 เพียงแค่ 60,000บาท ผู้ติดต่อเห็นว่าไม่ถูกต้องไม่ยุติธรรม เลยขอเงินส่วนที่เหลือคืน ทางทนายความโอนคืนมาให้เพิ่มอีกเป็นครั้งที่ 2 จำนวน 40,000 บาท รวมเป็น 100,000 บาท ที่เหลืออีกจำนวน 50,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าเสียเวลาและค่าวิชาชีพทนายความ
ปูไม่คิดว่าค่าวิชาชีพทนายความและค่าเสียเวลาเพียงแค่ทำหนังสือฉบับเดียว จะมีราคาสูงถึง 50,000 บาท มันไม่ยุติธรรมสำหรับ ปู เลย ทั้งที่เขาอยู่ในกระบวนการยุติธรรม และออกรายการโหนกระแสบ่อยครั้ง ปู คิดว่า ทนายความที่ออกรายการโหนกระแสท่านนี้จะทำเพื่อสังคมอย่างแท้จริง แต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่น นั้น ไม่
ปู ไปสอบถามทนายความท่านอื่นทนายความท่านอื่นแจ้งว่าค่าทำหนังสือแบบนี้ ไม่มีอะไรมาก ทั่วไปคิดราคาเพียงแค่ 1,000 – 3,000 บาท เท่านั้น เต็มที่เลยไม่เกิน 5,000 บาท เพราะเป็นเพียงข้อความสั้นๆ และแทบจะไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถอะไรเลย แต่ทนายความท่านนี้ที่ออกรายการโหนกระแส คิดราคาสูงถึง 50,000 บาท ปู คิดว่ามันเกินสมควรไปนะ เพราะคุณเป็นทนายความ
มีใบอนุญาตของสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่วนหนึ่งคุณจึงต้องสละผลประโยชน์ส่วนตัวและต้องทำหน้าที่เพื่อสังคมด้วย คะ ปู ขอเตือนสังคมว่าใครคิดจะว่าจ้างทนายความที่เคยออกรายการโหนกระแส จะต้องคุยตกลงกันให้ชัดเจนในรายละเอียดต่างๆ และทำเป็นหนังสือสัญญา มิฉะนั้น แล้วจะเป็นอย่าง ปู ปู จึงขอความเป็นธรรมต่อรายการ โหนกระแส และสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ด้วยค่ะ