“กฤษอนงค์” ประกาศปิดเพจ 18 พ.ย.นี้ วอนอย่าเอาความผิดของแม่ สร้างบาดแผลให้ลูกๆ ด้าน “ชายคนสนิท” นํากาแฟเยี่ยม
ชายคนสนิทนํากาแฟเยี่ยม “เจ๊พัช” ปัดเป็นทนาย ไม่ตอบความสัมพันธ์
วันนี้(17 พ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.10 น. พบมีชายคนสนิทนํากาแฟ 2 แก้วเข้ามาเยี่ยม น.ส.กฤษอนงค์ ที่ห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาภายในตึกกองบังคับการปราบปราม
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ชายคนสนิทของ น.ส.กฤษอนงค์ ได้เดินทางกลับหลังเข้าเยี่ยมนานเกือบ 1 ชั่วโมง โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสภาพจิตใจ ของ น.ส.กฤษอนงค์ ทางชายคนสนิท ตอบว่า “พี่พัชยังโอเคครับ และไม่เรียกร้องหรือขออะไรเป็นพิเศษ“
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ ชายคนสนิท ระบุว่า ”แค่มาเยี่ยมเฉยๆ พร้อมนํากาแฟมาให้“ ส่วน น.ส.กฤษอนงค์ เครียดหรือไม่ ชายคนสนิท ระบุว่า ”กินข้าวไม่ได้“ และเมื่อถามถึงแนวทางการต่อสู้คดีหรือการประกันตัวในชั้นศาลพรุ่งนี้ ชายคนสนิท กล่าวเพียงว่า ”ผมไม่ใช่ทนายความ“ ก่อนจะรีบเดินขึ้นรถกลับทันที
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่าชายคนสนิทดังกล่าวได้ถือถุงข้าว 2 กล่องออกมาจากห้องคุมขัง คาดว่าเป็นอาหารเช้าและกลางวันที่ตํารวจสั่งมาให้ แต่ น.ส.กฤษอนงค์ ไม่ได้กิน
ประกาศปิดเพจ 18 พ.ย.นี้ วอนหยุดสร้างบาดแผลให้ลูกๆ
ขณะที่ทางเพจ กฤษอนงค์ เจ๊พัช โพสต์ล่าสุด คำแถลงจากแม่ของลูก.. กฤษอนงค์เชื่อว่า มนุษย์ทุกคนมีโอกาสที่จะพลั้งเผลอหรือทำผิดพลาดได้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทุกการกระทำย่อมมีผลตามมา เช่นเดียวกับหลักธรรมทางพุทธศาสนาที่สอนให้เราเข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรม ในฐานะแม่คนหนึ่ง กฤษอนงค์มีหน้าที่ปกป้องลูกจากผลกระทบทางสังคมที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่กระบวนการทางกฎหมายยังไม่ได้ข้อยุติ แต่สิ่งที่รู้สึกเจ็บปวดที่สุด คือการที่การชี้แจงความจริงกลับกลายเป็นเหมือนการถูกลากออกไปประหารกลางสี่แยกทางความคิดของสังคม
ในฐานะแม่ กฤษอนงค์ขอร้องให้ลูกได้รับโอกาสที่จะเติบโตในสังคมที่ยังให้ความเมตตา กรุณาอย่าให้ความผิดของแม่ต้องกลายเป็นภาระหนักอึ้งบนบ่าของเด็กบริสุทธิ์ 2 คน ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในเรื่องนี้ ด้วยความเคารพในสิทธิและความเป็นธรรม กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ 17 พฤศจิกายน 2567 และบรรทัด ระบุว่า ” เพจฯนี้จะปิดอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ 18 พฤศจิกายน 2567 ”
ประวัติ พัช โหนกระแส หรือ กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้ก่อตั้งองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่
ส่องโพสต์ “กฤษอนงค์” ก่อนถูกออกหมายจับ วอนสังคมอย่าตัดสิน ยิ่งพูดคนยิ่งเข้าใจผิด