เจ้าสาวเซอร์ไพรส์พ่อ เลือกสวมชุดแต่งงานของคุณแม่ผู้ล่วงลับ เผยนาทีน้ำตาร่วง (มีคลิป)

เจ้าสาวเลือกสวมชุดแต่งงานของคุณแม่ผู้ล่วงลับ ทำคุณพ่อเซอร์ไพรส์หนัก ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ “ลูกดูเหมือนแม่มาก” 

กลายเป็นไวรัลสุดประทับใจบนโลกออนไลน์ กับคลิปวิดีโอเจ้าสาวสวมชุดแต่งงานของคุณแม่ผู้ล่วงลับ ไปเซอร์ไพรส์คุณพ่อ ซึ่งปฏิกิริยาของพ่อเมื่อเห็นลูกสาวสวมชุดแต่งงานของแม่ ทำเอาหลายคนที่ได้รับชมต่างน้ำตาซึมไปตาม ๆ กัน

เกรซ มีนส์ เจ้าสาว เปิดใจกับ TODAY.com ว่า ในตอนแรกเธอไปเลือกชุดแต่งงานที่ร้าน และก็ได้ชุดแต่งงานที่สมบูรณ์ในราคาที่พอใจ ชุดดังกล่าวสวยมาก แต่พอผ่านไป 1-2 เดือน เธอก็เริ่มลังเล

และนั่นเองคือตอนที่เธอตัดสินใจลองสวมชุดแต่งงานของแม่ที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าสมัยเด็ก เมื่อเห็นในตัวเองในกระจก เธอถึงกับอ้าปากค้าง เพราะชุดพอดีกับเธออย่างสมบูรณ์แบบ และไม่ต้องแก้ไขอะไรเลย

“ฉันรู้สึกเหมือนเป็นสัญญาณจากพระเจ้า ฉันคิดว่านี่คือวิธีที่ฉันจะให้เกียรติแม่ของฉัน” มีนส์ กล่าว

พ่อของเธอไม่รู้มาก่อนว่าเธอจะใส่ชุดแต่งงานของแม่ผู้ล่วงลับในงานแต่งงานเมื่อเดือนกันยายน ปฏิกิริยาของเขาทำให้ผู้คนในโลกออนไลน์หัวใจพองโต

“นั่นคือชุดของแม่ใช่ไหม?” แชด มิกซ์สัน ซึ่งกำลังสะอื้น ถามลูกสาวในคลิปที่กลายเป็นไวรัลบนอินสตาแกรม มิกซ์สัน วัย 48 ปี รู้สึกตื้นตันจนแทบหายใจไม่ทัน

“ลูกดูเหมือนแม่มาก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

มิกซ์สันและภรรยาของเขา คาร์ลี บาร์เน็ตต์ มิกซ์สัน แต่งงานกันมาเกือบ 25 ปี ก่อนที่เธอจะจากไปอย่างไม่คาดคิดในปี 2022

“ผมพยายามจะเก็บอารมณ์ไว้ แต่พอหันไปเห็นชุดนั้น น้ำตาก็ไหลทันที ผมรู้เลยว่าคงกลั้นไม่ไหว” มิกซ์สันบอกกับ TODAY.com “เธอสวยเหลือเกิน”

แม้ คาร์ลี มิกซ์สัน จะจากไป 2 ปีก่อนที่มีนส์จะแต่งงาน แต่เธอเคยเห็นลูกสาวสวมชุดแต่งงานนั้นมาก่อน หลายปีก่อนเธอถ่ายภาพและโพสต์ลงบนเฟซบุ๊ก

“ช่วงหนึ่งในฤดูร้อน เราไปที่บ้านของมิมี่กับป๊อปปี้ แล้วแม่บอกว่า “ใส่ชุดแต่งงานของแม่แล้วแม่จะถ่ายรูปให้” มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก เพราะทุกอย่างกับแม่มักเต็มไปด้วยความสุขเสมอ” มีนส์เล่าความทรงจำ

“ตอนที่ฉันลองชุดนี้เพื่อแต่งงาน ความทรงจำทั้งหมดกลับมาท่วมท้น และมันเหมือนแม่ยังอยู่กับฉัน แม่คือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน” มีนส์ กล่าว

ในฐานะเจ้าสาวหมาด ๆ มีนส์ใฝ่ฝันจะมีชีวิตแต่งงานเหมือนพ่อแม่ของเธอ

“พวกเขามีความรักที่แท้จริง และฉันรู้สึกขอบคุณที่ได้เห็นแบบอย่างนั้น พวกเขามีสายใยที่ไม่เหมือนใคร” มีนส์ กล่าว