ตำรวจพบพิรุธ คดีที่ลูกจ้างร้านทองทำทอง 40 บาท หล่นหาย เจ้าของให้ 1 แสนบาท หากเอามาคืน

24 พ.ค. 2567 เวลา 18:27 น.

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ นางไพรินทร์ ลูกจ้างร้านทอง ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจที่ สน.บางยี่ขัน ว่าตนเองได้ทำกระเป๋าใส่ทองคำน้ำหนักประมาณ 40 บาทหล่นหายที่ใต้สะพานลอย หน้าห้างโลตัสปิ่นเกล้า ขณะนั่งรถจักรยานยนต์นำทองทั้งหมดไปส่งให้ร้านทองที่ตนเองทำงานอยู่

โดยความคืบหน้าล่าสุด พันตำรวจเอก พายัพ สุขสมบูรณ์ ผู้กำกับการ สน.บางยี่ขัน เปิดเผยว่า คดีนี้ได้สอบปากคำพยานไปหลายปาก ส่วนใหญ่เป็นพยานแวดล้อมในจุดเกิดเหตุทั้งคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่ไปส่งลูกจ้างร้านทอง, ร้านค้า และผู้ที่พักอาศัยริมถนนที่ลูกจ้างร้านทองอ้างว่าทำกระเป๋าใส่ทองหล่นว่า พบเห็นรถหรือบุคคลใดจอดรถหยิบถุงทองไปหรือไม่

ซึ่งจากคำให้การพยานเหล่านี้ ไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเท่าที่ควร เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้สังเกตหรือจับจ้องบนถนน เพราะต่างคนต่างทำงานหรือขายของ ซึ่งตำรวจฝ่ายสืบสวนยังเดินหน้าตรวจสอบภาพวงจรปิดในจุดเกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากตำรวจที่ทำคดีว่า คดีนี้พบพิรุธหลายอย่าง หลังจากได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดที่หญิงรายนี้อ้างว่าทำถุงทองหล่น ก็ไม่มีความชัดเจนว่ามีกระเป๋าที่หล่นนั้น มีทองจริงหรือไม่ และหลังจากนั้นก็ไม่พบว่ามีรถจอดเก็บกระเป๋าดังกล่าวไปแต่อย่างใด

อีกทั้งคำให้การของลูกจ้างร้านทองบอกว่า ขณะเดินทาง ได้พกพากระเป๋าหิ้วมาด้วย แต่มีคำถามว่าทำไมขณะที่ซ้อนรถจักรยานยนต์รับจ้าง จึงนำถุงทองออกมาถือ ไม่ใส่กระเป๋าหิ้วที่นำมาด้วย เป็นข้อสงสัยที่อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามของตำรวจ

ส่วนไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เริ่มจากร้านทองในจังหวัดเพชรบุรีได้ประสานติดต่อมายังร้านทองผู้เสียหายซึ่งอยู่ย่านวังบูรพา กรุงเทพมหานครว่าจะนำทองไปขายให้ โดยฝากไปกับลูกจ้างซึ่งพักอยู่จังหวัดนครปฐม เนื่องจากเจ้าของร้านทองที่จังหวัดเพชรบุรีจะไปทำธุระ ซึ่งต้องเดินทางผ่านจังหวัดนครปฐมอยู่แล้ว

จากนั้นเมื่อลูกจ้างร้านทองย่านวังบูรพาได้ทองมา ในวันเกิดเหตุได้ขึ้นรถมินิบัสจากจังหวัดนครปฐมไปลงที่หน้าห้างเมเจอร์ ปิ่นเกล้า จากนั้นเรียกรถจักรยานรถรับจ้างให้ไปส่งร้านทองพยานบูรพา ก่อนจะทำถุงทองหล่นระหว่างทาง ในช่วงประมาณ 08.00 น.

ไปดูภาพกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าห้างเมเจอร์ ปิ่นเกล้า เวลา 08.18 น. รถมินิบัสขับที่นางไพรินทร์ นั่งมาจากจังหวัดนครปฐม มาจอดริมถนนบรมราชชนนี หน้าเมเจอร์ปิ่นเกล้า จากนั้นนางไพรินทร์ได้เดินลงจากรถมินิบัส แล้วเรียกรถจักรยานยนนต์รับจ้าง

ภาพวงจรปิดอีกมุม อยู่ถัดจากเมเจอร์ปิ่นเกล้าไปประมาณ 2 ซอย ช่วงเวลา 08.19.21 น. จะเห็นรถจักรยานยนต์ที่นางไพรินทร์นั่งซ้อนท้ายมา ขับผ่านร้านขายลำโพงออกมาหน้าเมเจอร์ ปิ่นเกล้า ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจากภาพยังสังเกตเห็นว่านางไพรินทร์ยังถือกระเป๋าผ้าสีขาวที่ใส่ทองคำไว้อยู่

จากนั้น เวลา 08.19.28 น.ในกล้องวงจรปิด ในภาพเหมือนมีของบางอย่างหล่นลงมาจากรถจักรยานยนต์

ส่วนภาพวงจรปิดอีกมุมเวลาประมาณ 08.19.40 น. รถจักรยานยนต์ได้เลี้ยวกลับแล้วขับย้อนศร เพื่อชะลอมองหาที่บริเวณหน้าร้านค้าริมฟุตบาทใกล้กับจุดที่กระเป๋าตกหล่น

ต่อมาเวลา 08.21 น. จะเห็นทั้งคู่ขับรถย้อนศรกลับ มีท่าทางเหมือนพยายามมองหากระเป๋า แล้วจอดริมถนนอยู่สักพัก ก่อนทั้งคู่จะขับรถออกไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าของทองคำที่หายไปนั้น เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ก่อนจะเปิดใจกับทีมข่าวว่า ประกอบอาชีพขายทองให้ร้านทองมานานเกือบ 30 ปี ส่วนหญิงรายดังกล่าวนั้น รู้จักมานานกว่า 10 ปี เป็นลูกจ้างร้านทองที่ทำธุรกิจร่วมกันไว้เนื้อเชื่อใจกันเป็นอย่างดี

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไหว้วานให้หญิงรายนี้ไปส่งทองให้ร้านทองมาหลายปีแต่ละครั้งก็จะมีน้ำหนักแตกต่างกันไป มากที่สุดเป็นทองคำน้ำหนักกว่า 100 บาท ซึ่งครั้งนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร

หลังเกิดเรื่อง ได้คุยกับหญิงรายนี้และยืนยันว่า ไม่ได้เอาทองคำไป ซึ่งตนก็ได้บอกไปว่า มีอะไรก็ให้บอกกันตรง ๆ ความจริงก็คือความจริง และจากการดูลักษณะภายนอกก็ไม่พบพิรุธ

ทั้งนี้ หากใครเจอแล้วเอามาคืน ก็มีสินน้ำใจให้ 100,000 บาท แต่ถ้าตำรวจไปตามจับกุมได้ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย