จากกรณีที่ประชุมอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ มีเป้าหมายให้ชื่อผู้จดทะเบียนเบอร์ซิมเลขหมายที่ขอเปิดใช้โมบายแบงก์กิ้ง และเจ้าของบัญชีธนาคาร ต้องเป็นของบุคคลคนเดียวกัน อันเป็นมาตรการต่อยอดจากประกาศ กสทช. ที่ให้ผู้ถือครองซิมเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ตั้งแต่ 6 เลขหมายขึ้นไป ยืนยันตนภายในกำหนด เพื่อสกัดปัญหาซิมผีบัญชีม้า
ทำให้ต่อมาเพจดังในโลกโซเชียลได้ช่วยกันประชาสัมพันธ์การกด *179*เลขบัตรประชาชน# แล้วโทรออกเพื่อเช็กว่าชื่อเจ้าของซิมตรงกับเจ้าของบัญชีโมบายแบงก์กิ้งหรือไม่ หากไม่ตรงวันที่ 27 พ.ค. จะเสี่ยงโอนเงินไม่ได้ พร้อมแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง หลายคนบอกด้วยว่า ตัวเองมีชื่อลงทะเบียนซิมให้คนในครอบครัว เพราะเป็นคนจ่ายเงิน ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือชี้แจงเรื่องดังกล่าวระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ขอเรียนชี้แจง กรณีข่าวการตรวจสอบคัดกรองเบอร์โมบายแบงก์กิ้ง (ซิมการ์ด) ที่ผูกกับบัญชีธนาคารต้องตรงกันนั้น ขณะนี้เป็นขั้นตอนอยู่ในระหว่างดำเนินการ
โดยในวันที่ 27 พ.ค. 2567 โมบายแบงก์กิ้งยังใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นการขอความร่วมมือจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และธนาคาร ให้สำนักงาน กสทช. เป็นตัวกลางในการประสานงานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่ต้องการแก้ปัญหามิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการทำธุรกรรมออนไลน์ ตามขั้นตอนธนาคารจะเป็นผู้รวบรวมบัญชี พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับโมบายแบงก์กิ้ง แล้วส่งให้ ปปง. จากนั้น ปปง.จะรับข้อมูลส่งต่อให้กับสำนักงาน กสทช. เพื่อให้สำนักงาน กสทช. แยกเครือข่ายก่อนประสานไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ยืนยันอีกครั้งแล้วส่งกลับ
ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าว สำนักงาน กสทช. ได้รับการยืนยันจาก ปปง.ว่า หากมีเหตุผลเพียงพอสามารถอธิบายความจำเป็นในการใช้งานได้ จะเป็นดุลยพินิจของธนาคารให้การพิจารณายกเว้น เช่น การเปิดโมบายแบงก์กิ้งให้กับบุตรหลานที่เป็นเด็กหรือเยาวชน หรือบิดามารดาผู้สูงวัย เบอร์องค์กรที่แสดงตัวตนได้ชัดเจน เป็นต้น และในเร็วๆ นี้สำนักงาน กสทช.จะประชุมหารือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการที่ต้องเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองให้ตรงกับโมบายแบงก์กิ้งไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนเกินจำเป็น โดยให้มีรายการส่งเสริมการขายที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์มากที่สุด