ล่าสุด นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ว่า กรณีการขยายอายุการเกิดสิทธิการรับบำนาญชราภาพ จาก 55 ปี เป็น 65 ปี เป็นเพียงหนึ่งในคำแนะนำจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือไอแอลโอ (ILO) ที่เสนอให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของกรณีนี้ ซึ่งตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา สปส.ได้ศึกษาเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก และมีขั้นตอนตามกฎหมายหลายอย่าง ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในการศึกษาเท่านั้น ยังไม่ได้มีการเสนอให้แก้กฎหมายแต่อย่างใดนอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามไปยังผู้บริหาร สปส.ได้อธิบายถึงคำว่า อายุการเกิดสิทธิการรับบำนาญชราภาพ ว่า คือ การกำหนดอายุที่ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์บำนาญชราภาพ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกันสังคม พ.ศ.2533 ที่ได้ระบุเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1.ต้องมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ 2.ไม่เป็นผู้ประกันตน ทั้งมาตรา 33 (ทำงานกับนายจ้าง) และมาตรา 39 (ประกันตนเอง) และ 3.ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือน จะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม
จึงหมายความว่า หากผู้ประกันตนอายุ 55 ปี แล้วออกจากการเป็นผู้ประกันตน ก็สามารถทำเรื่องเพื่อขอรับเงินบำนาญได้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นการปรับอายุการเกิดสิทธิการรับบำนาญชราภาพ ยังไม่มีข้อเสนอให้แก้กฎหมายแต่อย่างใด ผู้บริหาร สปส. รายเดิมกล่าว และว่า ส่วนอีกคำที่มีความสำคัญคือ การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่ปัจจุบันกำหนดไว้ว่า ผู้ที่จะขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะต้องมีอายุระหว่าง 15-60 ปี แต่ขณะนี้ ได้มีการเสนอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. … โดยจะแก้ไขอายุแรกเข้าการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็น อายุระหว่าง 15-65 ปี เพื่อรองรับการทำงานในสังคมผู้สูงอายุที่ขยายตัวมากขึ้น แต่กรณีการแก้ไขกฎหมายนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการขยาย อายุการเกิดสิทธิการรับบำนาญชราภาพ แต่อย่างใด เนื่องจาก ผู้ประกันตนยังที่อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และเข้าเงื่อนไขอีก 2 ข้อที่เหลือ คือ ออกจากการเป็นผู้ประกันตนและส่งเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน ยังสามารถขอรับเงินบำนาญได้ตามกฎหมาย