โดยผลการปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการปฏิบัติการต่อเนื่องจากการที่รัฐบาลกัมพูชาบุกทลายแหล่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จาก ต.ปอยเปต อ.โอวโรจ ประเทศกัมพูชา จนได้ทำการรวบตัวคนไทย 119 คน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและส่งตัวมายังประเทศไทยเพื่อสืบสวนพยานหลักฐานและดำเนินการตามกฎหมายโดยในจำนวนนี้ ได้จับกุมและดำเนินคดีไปแล้ว 93 ราย ในข้อหา ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ/ ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ซ่องโจร / ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือ ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ในขณะที่ คนไทยอีก 7 ราย ได้ถูกจับกุมโดยตำรวจภูธรภาค 2 ไปแล้ว ในความผิด คดีอื่นตั้งแต่วันแรกที่เดินทางถึงประเทศไทย
โดยทราบว่า คนไทย ทั้ง 15 ราย มีหน้าที่จัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ประเภทไฮโล และไพ่ป๊อกเด้ง เรือพาย แปด เก้า ผ่านเว็บไซต์พนันออนไลน์ ที่เปิดให้คนไทยเล่นและมีการสื่อสารผ่านกลุ่มไลน์ พนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติหมายจับบุคคล ทั้ง 15 ราย ในความผิดฐาน ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกัน จัดให้มีการเล่นพนันโดยผิดกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ ทางตำรวจไซเบอร์สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวได้แล้วจำนวน 5 รายและอยู่ระหว่างติดตามจับกุมอีก 10 รายพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.กล่วเพิ่มเติมว่า คนไทยทั้ง 15 รายที่ได้ออกหมายจับเพิ่มนั้น ทำหน้าที่ ช่วยกันไลฟ์สดในห้องไลน์ ที่มีการเชิญคนไทยเข้ามาเล่นพนันออนไลน์ ซึ่งจะมีอุปกรณ์ในการไลฟ์ เช่น ตุ๊กตา โยกหัวให้รู้ว่ามีการไลฟ์สดอยู่ รวมถึงค้อนทุบลูกเต๋าให้คนเห็นว้าไม่มีแม่เหล็กอยู่ด้านในสำหรับเล่นไฮโลซึ่งในความเป็นจริงแล้วการพนันนั้นจะมีเทคนิคในการหลอก โดยเฉพาะยิ่งการเล่นผ่านกล้องก็ยิ่งหลอกได้มากกว่า เดิม จึงอยากจะเรียนให้ ผู้ที่เป็นผู้จักหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดว่าถ้าหากไปทำผิดในต่างประเทศจะโดนข้อหาหนัก ก็ถือว่ามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ถ้าทำในประเทศก็จะมีความผิดตามกฎหมายไทย ส่วนผู้ร่วมเล่นก็มีความผิดเช่นกัน แล้วก็จะไม่มีโอกาสที่จะชนะในการเล่นพนันออนไลน์