กระทั่งวันหนึ่งมี ผู้ชายอีกคนหนึ่ง ของพยาบาลรายดังกล่าว คนที่คบซ้อนได้โทรหาผู้เสียหาย พยาบาลพอทราบได้มาอ้างว่าผู้ชายที่โทรหาผู้เสียหายเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
จ่าทหารผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองได้คบกับพยาบาลสาวรายนี้หลังจากเจอในแอปหาคู่ คุยกันได้ประมาณสองสัปดาห์ พยาบาลสาวได้เริ่มชักชวนทำธุรกรรม ชวนบริจาคเงินให้เด็กทุรกันดาร และร่วมลงทุนทำธุรกิจ ขณะนั้นมีการคืนเงินบ้าง คืนเป็นก้อน ๆ ตัวเองก็รู้สึกเชื่อใจตามปกติ และเชื่อว่าพยาบาลสามีวิชาชีพและมีคลินิก
แต่หลังจากนั้นได้ มีการกล่าวอ้างเรื่อย ๆ เพื่อหลอกให้ตัวเองโอนเงิน ทีแรกก็ขอยืมทีละน้อยๆ หลักพันบาท จนลามไปหลักหมื่นบาท จนไปถึง การจำนำรถ และการจำนองที่ดิน // แบ่งเป็นหลาย ๆ เรื่อง ดังนี้- อ้างว่าพ่อป่วยเป็นมะเร็ง ต้องให้คีโม มีค่าใช้จ่ายสูง ขอยืมเงินโดยให้ตนเองกดออกจากบัตรให้ หลักพันถึงหลักหมื่นบาท
- อ้างว่าพ่อป่วยเป็นโรคหัวใจ ขอยืมเงินอ้างว่าต้องเอาหมอมาจากกรุงเทพ
- อ้างว่าเรียนจบปริญญาโท และต้องชำระค่าจบการศึกษา 25,000 บาท ของยืมเงินในบัตรก่อนแล้วจะกดคืนให้ แต่เงียบไป
- อ้างว่า มียาและอุปกรณ์ทางการแพทย์มาส่งที่คลินิก ขอยืมอีก
- ต่อมา อ้างว่า บัญชีโดนล็อก ซึ่งมีเงินฝากประจำอยู่กว่า 400,000 บาท ขอยืมทองไปจำนำ โดยจำนำไปสองครั้งในเดือนเดียวกัน ซึ่งครั้งที่สองอ้างว่า ให้พ่อผ่าตัดหัวใจอีก 25,000 บาท แล้วเดี๋ยวจะให้น้องคืนให้ แต่ถึงเวลาก็ไม่ได้คืน
วันต่อมาอ้างว่าจะนำเงินมาคืนให้จำนวน 36,000 บาท แต่พอถึงวันนัดหมายก็อ้างว่าวางกระเป๋าเงินทิ้งไว้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว จนเงินหาย /ตัวเองก็เริ่มเอะใจ แต่ก็ยังไม่ได้ทักท้วงอะไร
ต่อมา ขอยืมเงิน 12,000 บาท อ้างว่า ต้องจ่ายเงินค่าประกันชีวิต 17,000 บาท แต่มีอยู่เพียง 5000 บาท จึงมาขอยืมเพิ่ม
ขอยืมเงินจ่ายค่าแชร์แบบ กระชั้นชิด ขอยืมค่าจ่ายภาษีเพิ่ม อ้างว่าหากไม่จ่ายภาษีทางธนาคารจะไม่ปลดล็อคเงินให้ อ้างว่าทางอำเภอ บังคับให้สแกนจ่ายเงินสามงวด โดยถ่ายรูปบริเวณหน้าอำเภอมายืนยัน 2 กันยายน อ้างว่ามีข้อความจากธนาคารว่าจะปลดล็อคเงินให้ ให้ไปหากู้เงิน 15 กันยายน จะได้ค่าแชร์ 86,000 บาท
แต่เงินค่าแชร์โอนเข้าบัญชีที่ถูกล็อก อ้างว่าเงินค่ารักษาพ่อไม่พอให้ไปกู้เงินนอกระบบมาเพิ่ม แต่ให้ตนเองรับผิดชอบเอง คือช่วงเดือนตุลาคม พยาบาลสาว ได้โทรกลับมา พร้อมกับให้โอนมา 14,000 บาท อ้างว่าจะปลดล็อคบัญชี แต่ตัวเองไม่มีเงินแล้ว จึงเริ่มไปกู้เงินในแอพแอปพลิเคชั่น เพื่อจ่าย ค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ ซึ่งมีการกู้เงินไป 100,000 กว่าบาท แต่พอถึงเวลาจ่ายดอกพยาบาลสาวไม่ช่วยจ่าย
โดยสรุปคือส่วนใหญ่แล้วมักจะอ้างว่าพ่อป่วยแต่เมื่อเมื่อตัวเองเห็นพ่อของพยาบาลสาวก็พบว่าเดินเหินได้ตามปกติ ตนเองเคยสงสัยและสอบถามกับพยาบาลสาว่าเหตุใดต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้ ก็ถูกต่อว่าว่าทำไมต้องสงสัยนักหนา หรือ หากไม่ได้เงินจากตนเอง พยาบาลสาวก็จะขู่อ้างว่าหลังเงินปลดล็อคแล้ว 400,000 บาท จะคืนเงินให้และจะเลิกกัน แล้วจะหายไปสองวัน
นาย วิชาญศิทย์ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาลูกเคยเตือนแล้ว แต่ตนเองเห็นว่าพยาบาลสาวเคยรักษาแม่ตนเอง และมีโปรไฟล์ดี เคยนำยามาฉีดให้แม่ เคยหอบน้ำเกลือมารักษาลูก จึงหลงเชื่อ
จนกระทั่งต่อมา ความแตกเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งโทรมาหาตนเองขณะกำลังไปทำงาน และตนเองได้บันทึกเสียงเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน โดยผู้ชายรายดังกล่าวโทรมาสอบถามว่าตัวเองใช่ทนายจริงหรือไม่ ตนเองก็งง และทราบว่าฝ่ายหญิงไปอ้างกับ ผู้ชายคนนั้น ว่า ตนเองเป็นทนายช่วยเรื่องปัญหาฉ้อโกง มีปัญหาต้องไปขึ้นศาลกันแต่ไม่ต้องมาเพราะยกเลิกแล้ว ตนเองจึงบอกกับผู้ชายคนนั้นไปว่าตัวเองคบกับพยาบาลสาว จึงมีการสอบถามกันว่าครบตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็บอกว่าคบตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกันที่ฝ่ายหญิงคบซ้อน
ทั้งนี้ หาก พยาบาลสาว ดูอยู่ อยากให้มาใช้หนี้ที่ทำไว้และให้เอาที่ดินมาคืน ครอบครัวตนเองลำบากมาก เงินก็ไม่เหลือแล้ว ต้องยืมคนอื่นมาใช้บ้าง เงินคนแก่ที่แม่ได้ก็เอามาใช้
นอกจากนี้ผู้เสียหายยังเล่าอีกว่า ตัวเองเคยไปติดต่อทางโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ฝ่ายหญิงสังกัด ซึ่งให้ออกมาพูดคุยกันฝ่ายหญิงอ้างว่า วันที่ 7 พ.ย.67 จะคืนเงินให้ 100,000 บาท และจนถึงวันที่ 15 พย.67 จะเคลียร์ให้ทั้งหมดตามยอดหนี้ที่จดเอาไว้ พอถึงวันที่ 15 พ.ย. อ้างว่าสหกรณ์ไม่อนุมัติ เพราะเงินยอดเยอะเกินไป