โดยพบว่า กองทัพสหรัฐว้า UWSA ในพื้นที่บ้านคายหลวง ได้มีการเสริมกำลังทหารพร้อมอาวุธหนัก จำพวก ค.81 มม. และ ค.120 มม. เข้าเพิ่มเติมที่ฐานดอยหัวม้า ฐานหนองหลวง และ ฐานย่อยอีก รวม 5 ฐาน โดยทราบมาว่า ทางการไทยสั่งให้กองกำลังว้าแดง ถอนกำลังออกจากพื้นที่ไทย
ก่อนหน้านั้น ช่วงวันที่ 18-19 พ.ย. 67 สมาชิกระดับสูงกองกำลังว้าแดง จำนวน 6 คน ได้เดินทาง มาพบปะกับเจ้าหน้าที่ไทย ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อหารือปัญหาเรื่องปัญหายาเสพติด การลักลอบเข้าเมือง และการรุกล้ำแผ่นดินไทยของกองกำลังว้า ในพื้นที่ดอยหัวม้าและพื้นที่ใกล้เคียง
โดยทางฝ่ายไทยได้ขอให้ว้าแดง ถอนกำลังที่รุกล้ำเข้ามาในเขตไทย โดยทางคณะผู้แทนของว้าแดง ได้รับข้อเสนอของฝ่ายไทยไปรายงานให้ กองบัญชาการกองทัพสหรัฐว้า UWSA ที่เมืองปางซาง และจะให้คำตอบต่อฝ่ายไทยภายใน 30 วัน หรือ 18 ธันวาคม 2567
ทางด้านการเคลื่อนไหวของหน่วยทหารไทย พบว่า ได้มีคำสั่งให้ กองพันปืนใหญ่ ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 ทำการสำรวจจุดวางปืนใหญ่สนาม เพื่อเตรียมการยิงสนับสนุนต่อทหารราบของไทย หากมีการเข้ายึดฐานที่มั่นของว้าแดงที่อยู่ในเขตไทย
แหล่งข่าวของ กองทัพสหรัฐว้า หรือ ว้าแดง เปิดเผยกับสื่อ RFA ว่า สิ่งที่ทางการไทยเรียกร้องนั้น เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ โดยระบุว่า พื้นที่ที่ทางกองทัพว้าเข้ามาประจำนั้นไม่ได้อยู่ในเขตไทย และไม่ได้อยู่ในพื้นที่ควบคุมของกองทัพพม่าแต่อย่างใด จึงไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าวได้ และไม่ว่าใครจะมาร้องขอให้ถอนออกจากพื้นที่ดังกล่าว ก็จะไม่สามารถทำตามได้ โดยระบุว่า ทางกองทัพว้านั้น แค่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของตัวเองเท่านั้น
ทางว้ายังระบุกับสื่ออีกว่า ไทยไม่ควรใช้การกดดันเช่นนี้ต่อกองทัพว้า เพราะว้าไม่ได้รุกล้ำอธิปไตยเข้ามายังฝั่งไทยแม้แต่คืบเดียว แต่ถ้าหากฝ่ายไทยรุกล้ำเข้าไปในเขตว้า ทางว้าก็จะมีวิธีการตอบโต้
ต่อมา ทหารของกองทัพเมืองไตของขุนส่า ได้ถูกกองกำลังว้าแดง บุกเข้าโจมตีและยึดฐานเหล่านั้นเป็นของว้าแดง ซึ่งว้าแดงถือว่า ฐานเหล่านั้น ไม่ใช่ของไทย หากเป็นของไทย กองทัพเมืองไตของ ขุนส่า ย่อมไม่สามารถเข้าไปยึดครองได้
ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา ทางกองทัพไทย ได้มีการเจรจากับว้าแดง เพื่อขอให้ถอนกำลังออกจากฐานฯดังกล่าว แต่ทางว้าแดง ปฏิเสธ และยืนยันเสมอว่า หากทหารไทยบุกเข้าไปในฐานของว้า ทางว้าก็จะตอบโต้อย่างสาสม ทำให้เกิดปัญหาคาราคาซังต่อเนื่องมากว่า 10