นักจิตวิทยาออกมาเตือน เด็กที่ชอบ 3 สีนี้ เป็นพิเศษ อาจมีปัญหาด้านจิตใจ พ่อแม่ผู้ปกครองต้องระวัง
ทุกคนล้วนมีสีที่ชื่นชอบเป็นของตัวเอง ซึ่งมักสะท้อนผ่านการเลือกเสื้อผ้าหรือสิ่งของส่วนตัว ในอดีตคนส่วนใหญ่อาจไม่ให้ความสำคัญว่าสีสามารถส่งผลต่อจิตใจได้ แต่ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ นักวิจัยหลายคนเริ่มยืนยันว่าสีมีอิทธิพลต่ออารมณ์และบุคลิกภาพของเราไม่น้อย
นักจิตวิทยาชาวสวิส แม็กซ์ ลูเชอร์ เคยเสนอทฤษฎี “ผลกระทบทางจิตวิทยาของสี” โดยระบุว่าสีที่คนชื่นชอบไม่ได้สะท้อนแค่รสนิยม แต่ยังบ่งบอกถึงโลกภายในและบุคลิกภาพของแต่ละคน เช่น ผู้ที่ชอบสีแดงมักมีนิสัยร่าเริง กระตือรือร้น ส่วนผู้ที่ชอบสีน้ำเงินมักสงบเงียบและพูดน้อย
ในกระบวนการเติบโต เด็กจะสัมผัสกับสีสันต่าง ๆ และสีที่พวกเขาชื่นชอบอาจมีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพในอนาคต นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าหากเด็กชอบสี 1 ใน 3 สี ต่อไปนี้เป็นพิเศษ ผู้ปกครองควรให้ความสนใจ เนื่องจากสีเหล่านี้อาจสะท้อนถึงสภาวะทางจิตใจของเด็ก
3 สีที่เรียกว่า “สีแห่งความเศร้าหมอง” ได้แก่ สีดำ สีน้ำเงินเข้ม และสีเขียว
1. สีดำ
เด็กที่ชื่นชอบสีดำมักมีแนวโน้มที่จะซ่อนความเจ็บปวดภายในจิตใจ เดิมทีเด็กอาจเป็นคนสดใสร่าเริง แต่หลังจากเผชิญกับเหตุการณ์เชิงลบ เด็กอาจเริ่มเก็บตัวและแสดงความเย็นชาออกมา สีดำจึงกลายเป็นเกราะป้องกันที่ช่วยปกปิดความทุกข์ในใจ หากลูกของคุณมักเลือกใส่เสื้อผ้าสีดำหรือใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นสีนี้ อาจเป็นสัญญาณว่าเด็กกำลังเผชิญกับความกดดันทางจิตใจบางอย่าง ผู้ปกครองควรใส่ใจ สอบถาม และให้การสนับสนุนอย่างทันท่วงที
2. สีน้ำเงินเข้ม
สีน้ำเงินเข้มเป็นสีที่ได้รับความนิยมและชื่นชอบจากเด็กหลายคน เด็กที่ชอบสีนี้มักจะเป็นคนฉลาดและมีความเป็นอิสระ แต่บางครั้งอาจรู้สึกเหงาเพราะไม่ค่อยเปิดใจหรือพูดคุยกับผู้อื่น การขาดการสื่อสารอาจนำไปสู่ความรู้สึกโดดเดี่ยวและอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า หากลูกของคุณไม่มีเพื่อนมากนักหรือไม่ชอบสื่อสาร ผู้ปกครองควรส่งเสริมให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มและสร้างโอกาสให้เด็กได้แสดงออกถึงความรู้สึกของตนเอง
3. สีเขียว
ในมุมมองของหลาย ๆ คน สีเขียวถือเป็นสีแห่งความสดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่เด็กที่ชอบสีเขียวอาจซ่อนความรู้สึกต่ำต้อยของตัวเองไว้ภายใต้ท่าทางที่ดูมีชีวิตชีวา เด็กเหล่านี้มักพยายามแสดงออกถึงความร่าเริงและเป็นมิตร แต่ภายในกลับเปราะบางและง่ายต่อการถูกทำร้ายจิตใจ หากลูกของคุณมีพฤติกรรมแบบนี้ ผู้ปกครองควรรับฟังและเข้าใจความรู้สึกของเด็กให้มากขึ้น
หลายครอบครัวมักกังวลเกี่ยวกับปัญหาลักษณะนิสัยของลูก ๆ บางเด็กอาจมีความกระตือรือร้นและชอบเข้าสังคม ขณะที่บางคนกลับเก็บตัว ไม่ชอบพูดคุยและยากต่อการทำความรู้จักกับผู้อื่น เด็กเหล่านี้ต้องการการสนับสนุนจากพ่อแม่ เพื่อเอาชนะอุปสรรคทางจิตใจและพัฒนานิสัยในเชิงบวก
พ่อแม่ควรสร้างโอกาสให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ หรือจัดกิจกรรมพบปะกับครอบครัว เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสสื่อสารและเรียนรู้การเข้าสังคม นอกจากนี้ การพูดคุยอย่างสม่ำเสมอกับลูกยังช่วยให้เด็กเปิดใจมากขึ้นอีกด้วย
ภาวะซึมเศร้า เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเด็กหลายคน พ่อแม่ควรให้ความสนใจและสนับสนุนให้เด็กแสดงออกถึงความรู้สึก แม้ว่าเด็กจะมีข้อบกพร่องในด้านลักษณะนิสัย การเข้าใจและการแนะนำอย่างทันท่วงทีสามารถช่วยให้เด็กก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านั้นได้ ลักษณะนิสัยไม่เพียงแต่กำหนดความสำเร็จในชีวิต แต่ยังส่งผลต่อวิธีที่เด็กจะเข้ากับสังคมได้
ดังนั้นเพื่อให้ลูกมีอนาคตที่สดใส พ่อแม่ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาลักษณะนิสัยของลูก แม้ว่าการพึ่งพาความชอบในสีเพื่อประเมินภาวะจิตใจจะไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องสมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังเป็นข้อเสนอแนะที่ดีที่พ่อแม่ควรพิจารณาเพื่อใส่ใจสุขภาพจิตของเด็กมากขึ้น